|   
   อ.ราตรี ดวงไชย
 รอง.ผอ.โรงเรียนไหล่หินวิทยา
 ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
 Clip VDO #1
 Clip VDO #2
 Blog
 
     |  | สารบัญ + รายงานโครงการวิจัย การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน ด้วยกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ ของโรงเรียนไหล่หินวิทยา
 + บทความ ประเด็นการงดเล่นการพนัน : ในงานศพ
 + บทความ กระบวนการจากโครงการวิจัยในบทบาทครูนักวิจัยชุมชน
 + บทความ บทส่งท้ายหนังสือเล่มเล็ก โครงการวิจัยรูปแบบการจัดการงานศพฯ
 
| รายงานโครงการวิจัย การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน  ด้วยกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ ของโรงเรียนไหล่หินวิทยา ผู้รายงาน นางสาวราตรี  ดวงไชย
 ปีที่รายงาน 2550
 |  | บทคัดย่อ
การรายงานโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ  รายงานการดำเนินงานและผลของการดำเนินงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมนักเรียน ด้วยกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ ของโรงเรียนไหล่หินวิทยา
ประชากรที่ใช้ในการรายงาน  ได้แก่  ครู  ผู้ปกครอง  และนักเรียน โรงเรียนไหล่หินวิทยา  ในปีการศึกษา  2550  ทั้งหมด  จำนวน  640  คน  
เครื่องมือที่ใช้ในการรายงานเป็นแบบสอบถามสำรวจรายการ(Check  list)  แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า(Rating  Scale)และคำถามปลายเปิด(Open  Ended)  การวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าเฉลี่ย  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่า  t-test
การดำเนินงาน ได้ดำเนินงานเป็นขั้นตอนตามหลักวงจร  PDCA และการมีส่วนร่วม โดยการวางแผน การแต่งตั้งคณะกรรมการรับผิดชอบที่ชัดเจน  และได้จัดกิจกรรมตามแนวทางของโรงเรียนวิถีพุทธ  ซึ่งมีทั้งปฏิบัติทุกวัน  ทุกสัปดาห์  และกิจกรรมสำคัญต่างๆ  โดยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีการกำกับ  ติดตามการดำเนินงานสรุปรายงานผลให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
ผลของการดำเนินงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมนักเรียน ด้วยกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธ  ที่ได้ดำเนินกิจกรรมที่ชัดเจน  ต่อเนื่อง  และมีการดูแลติดตาม ทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น  ประเมินจากสถิติ  พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์มีจำนวนลดลง  นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น  นักเรียนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันทักษะวิชาการ  ต่างๆและสามารถชนะการประกวดในแต่ละกลุ่มสาระวิชาได้
และจากการสำรวจความพึงพอใจต่อพฤติกรรมนักเรียนพบว่าก่อนดำเนินกิจกรรม  ความพึงพอใจพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรมพื้นฐาน  8  ประการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่  ความขยัน  ความประหยัด  ความซื่อสัตย์  ความมีวินัย  ความสุภาพ  ความสะอาด  ความสามัคคี  และความมีน้ำใจ  ของนักเรียน  ตามความคิดเห็นทั้งของครู  ผู้ปกครองและนักเรียนอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึง มาก และเมื่อได้นำกิจกรรมโรงเรียนวิถีพุทธมาจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน ความพึงพอใจของครู  ผู้ปกครองและนักเรียน  อยู่ในระดับมาก  ถึง  มากที่สุด |  
 
| บทความ ประเด็นการงดเล่นการพนัน : ในงานศพ |  | การพนันมีหรือเกิดขึ้นในสังคม  ในชุมชนมาช้านานจนไม่สามารถที่จะนำออกมาจากนิสัยของคนในชุมชนหรือสังคมได้   ซึ่งการพนันมีหลายรูปแบบ  เช่น ลักษณะเป็นคำพูด  "พนันกันได้เลย ฉันว่า..."     พนันโดยมีวัสถุสิ่งของเป็นข้อแลกเปลี่ยนเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งแพ้  หรือการทำกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องตาม กฎเกณฑ์  กติกา  ข้อตกลง    จนแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีการพนันก็ไม่สนุก  
สำหรับการเล่นการพนันในงานศพนั้นเท่าที่ได้สอบถามจากผู้สูงอายุ  และการแสดงความคิดเห็นของทีมผู้วิจัย การเล่นพนันในงานศพนั้นเป็นการเล่นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีคนอยู่ร่วมในงานศพตลอดทั้งคืน  บ้านที่ที่มีงานศพ จะได้ไม่น่ากลัว วังเวง  หรือเงียบเหงา  และเพื่อไม่ให้ง่วงนอน จึงหากิจกรรมมาเล่นกัน  แต่ถ้าเล่นธรรมดาก็ไม่เกิดความสนุกสนานจึงต้องมีการพนันขันต่อ  ใครแพ้เสียอะไร  ใครชนะได้อะไร  จึงต้องกลายเป็นว่าทุกงานศพต้องมีเล่นการพนัน  ใครอยากเล่นการพนันต้องนัดพบกันที่งานศพจนจะกลายเป็นวิถีชีวิต   จากเริ่มแรกที่เล่นกันเพื่อสนุกสนานกลายเป็นเล่นเพื่อจะได้เงิน  
ในการทำวิจัยการจัดงานศพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของบ้านไหล่หิน ที่ได้
ร่วมกันทำวิจัยโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เงินในการจัดงานศพให้พอประมาณ  มีเหตุมีผลในการใช้จ่ายเงินในงานศพ  โดยที่เจ้าภาพหรือผู้จัดงานศพและผู้ร่วมงานศพไม่เกิดความเดือดร้อน  และการเล่นพนันในงานศพถ้าดูผิวเผินก็เหมือนกับว่าเจ้าภาพไม่เดือดร้อนอะไร  ผู้ที่เดือดร้อน คือผู้เล่น   ในการทำวิจัยในเรื่องนี้จากการพูดคุย  การใช้แบบสอบถาม  แบบสัมภาษณ์  จากชาวบ้าน  สรุปผลได้ว่าชาวบ้านต้องการให้งดเล่นการพนัน  เหตุผลคือ 
1. การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย    ถ้าถูกตำรวจจับนอกจากผู้เล่นเดือดร้อน แล้วเจ้าภาพต้องพลอยเดือดร้อนด้วยเนื่องจากให้สถานที่เป็นที่เล่นการพนัน  
2. เป็นการส่งเสริมการเล่นพนัน  ทำให้เกิดการมอมเมา  กลายเป็นคนติดการพนัน  ซึ่งต่อไปอาจจะสร้างปัญหาให้กับคนในหมู่บ้านหรือชุมชนใกล้เคียง  เช่นการลักขโมย เป็นต้น
3. เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็กและเยาวชน  อาจทำให้เด็กและเยาวชนเกิดการเลียนแบบได้
4. ทำให้เจ้าภาพไม่ได้รับการพักผ่อนนอนหลับเนื่องจากบางครั้งต้องคอยดูแล  หรืออยู่ร่วมกับผู้เล่นการพนัน
5. ไม่เป็นการส่งเสริมการดำรงชีวิตของชาวบ้านที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
จากการประชาพิจารณ์จากชาวบ้านที่เป็นตัวแทนของครอบครัวทั้งหมดทุกคนเห็นด้วยที่งดเล่นการพนันในงานศพเพราะมองไม่เห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรมากมาย  และขณะนี้การวิจัยอยุ่ในช่วงระยะที่  2   จากการได้ร่วมงานศพในหมู่บ้านปัจจุบันก็ จะเห็นเจ้าภาพ  ปิดประกาศ  ห้ามเล่นการพนัน  ถ้ามีคนเล่นเจ้าจะไม่รับผิดชอบ  และเห็นว่ามีการยอมรับประเด็นการงดเล่นการพนัน  ในงานศพมากขึ้นเพราะไม่มีใครเล่นการพนัน    และถือได้ว่าการดำเนินงานวิจัยในครั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ก็สามารถที่กล่าวได้ว่าประเด็นต่างๆที่ได้สรุปผลจากการดำเนินงานวิจัยเป็นประเด็นที่คนในหมู่บ้านยอมรับและพยายามที่จะปฏิบัติตาม  เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยการจัดงานศพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง  ซึ่งตรงกับสภาพเศรษฐกิจ  สังคม  สภาพการดำรงชิวิตในปัจจุบันที่จะอยู่อย่างฟุ้มเฟือย  ไม่มีเหตุผลในการใช้จ่ายไม่ได้  และคิดว่าการวิจัยในเรื่องนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์โดยรวมต่อหมู่บ้านไหล่หินแล้ว   คิดว่าคงเป็นประโยชน์ต่อหมู่บ้านหรือตำบลอื่นที่ต้องการ  การจัดงานศพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง  ต่อไป |  
 
| บทความ กระบวนการจากโครงการวิจัยในบทบาทครูนักวิจัยชุมชน ปรับปรุง 2552-05-16
 |  | หลังจากร่วมงานกับทีมวิจัยชุมชน แล้วได้เห็นกระบวนการทำงานที่ให้คนในชุมชนค่อย ๆ ซึมซับ ตระหนึกถึงคำว่า "พอเพียง" และมีความเข้าใจในการที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ตามวิถีของคนในชุมชน ที่คนในชุมชนเห็นร่วมกันว่าปัจจุบันเป็นไปอย่างไม่ประหยัด ไม่พอดีพองาม คือ การจัดงานศพ ซึ่งกระบวนการทำงานเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับงานวิจัยครั้งนี้ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วม จึงนำเสนอบทสรุปกระบวนการจากการร่วมงานโครงการวิจัย มีประเด็นที่สำคัญดังนี้
1. การประชุมที่เน้นให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ได้แสดงความคิดเห็น ร่วมสรุปและวิเคราะห์ร่วมกันในหลายรูปแบบ หลายระดับ อาทิ ประชุมนักวิจัย ประชุมนักวิจัยร่วม ประชุมผู้แทนชาวบ้าน และประชุมชาวบ้านทั้งหมดทีละหมู่บ้าน การประชุมแต่ละครั้งเป็นการรับฟังความคิดเห็น และสรุปประเด็นต่าง ๆ เมื่อเป็นความคิดเห็นที่เกิดจากการมีส่วนร่วม ทำให้แน่ใจได้ว่าจะเป็นมติที่ยอมรับร่วมกัน และไม่เกิดความขัดแย้งตามมาในภายหลัง การประชุมมีปฏิทินการทำงานของแต่ละเวทีชัดเจนก่อนนำไปสู่เวทีสรุปผลในที่สุด
2. การเชิญภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือผู้สูงอายุมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ ให้ข้อคิดเห็นเป็นวิธีที่ทำให้เวทีแสดงความคิดเห็นมีความเข้าใจตรงกัน เกิดการยอมรับ คล้อยตาม เช่นการให้ความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การเล่าวิวัฒนาการเรื่องการจัดการงานศพที่มีแนวโน้มไปในทางที่จะฟุ่มเฟือยมากขึ้น เมื่อร่วมกันวิพากษ์ พินิจพิเคราะห์ร่วมกัน โดยใช้ข้อมูลและประสบการณ์การจัดการงานศพในอดีตมาแลกเปลี่ยนในเวที จึงเกิดความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
3. การศึกษาดูงานทำให้ผู้แทน หรือผู้นำในชุมชนได้ไปแลกเปลี่ยน ได้เห็นบทเรียนของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง เข้าใจเหตุของการเปลี่ยนแปลงค่านิคม ความเชื่อ พิธีกรรม ทำให้มีความกล้าในการรื้อสาง และ เปลี่ยนแปลงกิจกรรมบางอย่างที่มุ่งยกระดับครัวเรือนและชุมชนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
4. การมีส่วนร่วมเป็นวิธีที่นักวิจัยหลัก และนักวิจัยร่วมใช้หลักประชาธิปไตย การทำงานทุกขั้นตอนได้นำชุมชนเข้ามาให้ข้อเสนอแนะ และร่วมวางแผน เปิดเวทีให้เกิดการมีส่วนร่วมเริ่มจากกลุ่มเล็ก ขยายไปทั้งหมู่บ้าน และขยายไปทั้งตำบล เป็นการทำงานที่อาศัยการมีส่วนร่วมจากระดับผู้นำชุมชนไปถึงระดับครัวเรือนอย่างชัดเจน
5. การประชาสัมพันธ์ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในระหว่างการทำงาน ไปถึงเวทีสรุปผล ที่นำเสนอหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประเด็นการงด การลดหรือการปรับเปลี่ยน เป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และนำไปใช้ในหมู่บ้านอื่น พื้นที่อื่น ในขอบเขตของโครงการที่ทีมวิจัยหลักได้วางแผนนั้น ได้ขยายพื้นที่ครอบครุมไปทั้งตำบล และการประชาสัมพันธ์จะไปไกลกว่าด้วยสื่อต่าง ๆ เช่น สื่อเอกสาร ป้ายประชาสัมพันธ์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเทอร์เน็ต และสื่อวิทยุชุมชน
ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมในการดำเนินการ ได้เห็น ได้มีส่วนร่วมและอยู่ในขั้นตอนการทำงานที่เป็นกระบวนการที่ดี ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้กับการบริหารงานโรงเรียนไหล่หินวิทยาได้ และคิดว่าผลของการวิจัยเพื่อท้องถิ่นจะทำให้คนในชุมชนเห็นความสำคัญ เรียนรู้วิธีการ และนำประเด็นไปปฏิบัติสืบต่ออย่างยั่งยืน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้เป็นแนวปฏิบัติสืบทอดกันต่อไป + http://www.thaiall.com/blog/ratee/255/
 |  
 
| บทความ บทส่งท้ายหนังสือเล่มเล็ก โครงการวิจัยรูปแบบการจัดการงานศพฯ ปรับปรุง 2552-10-03
 |  | บ้านไหล่หิน  เป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น  มีวัฒนธรรมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน  ศูนย์รวมจิตใจของชุมชน  คือวัดเสลารัตนปัพพตารามหรือที่เรียกกันทั่วๆไป  คือ  วัดไหล่หินหลวง  และหลวงพ่อเกสรปันโย  ซึ่งท่านได้มรณภาพไปนานแล้ว  มีแต่สถานที่ที่ประดิษฐ์รูปท่านชาวบ้านเรียกว่า  กู่  ให้ชาวบ้านได้สักการะบูชา  โดยลักษณะของคนในชุมชนแล้วจะมีความรัก  ความสามัคคี  เกื้อหนุนช่วยเหลือกันและกัน  มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี  มีนิสัยรักสงบ   ด้วยพื้นฐานลักษณะนิสัยของชาวบ้านที่มีลักษณะเช่นนี้จึงทำให้ เมื่อมีกิจกรรมหรือมีงานที่เป็นงานส่วนรวม  เช่นงานวันสำคัญต่างๆ  หรือมีงานที่คนในหมู่บ้านจัดขึ้น เช่นงานขึ้นบ้านใหม่   งานแต่งงาน  และงานศพ  เป็นต้น  จะมีชาวบ้านร่วมงานอย่างมากมาย  และผู้จัดหรือเจ้าภาพจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี  ทั้งด้านสถานที่  ด้านอาหาร  เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานเกิดความสะดวกสบาย  รับประทานอาหารจนอิ่ม  ดังนั้นเจ้าภาพจะจัดอาหารเผื่อไว้เนื่องจากกลัวไม่พอเลี้ยงผู้มาร่วมงาน  ซึ่งก็รวมถึงการจัดงานศพด้วย
บ้านไหล่หินเมื่อมีคนตายจะเก็บศพไว้หลายวัน  เนื่องจากความเชื่อเรื่องวันที่ไม่เหมาะสมที่จะเผา  กลัวว่าเมื่อเผาวันที่ไม่ดีหรือที่ชาวบ้านรียกว่าวันเสีย  ก็จะมีคนตายตามอีกหลายๆคน  จากการที่ต้องเก็บศพไว้หลายๆวันจึงทำให้สิ้นเปลืองละเสียเวลามาก  โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ  การนำวิธีการวิจัยการจัดการงานศพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในหมู่บ้านไหล่หินโดยการนำ ของผู้ช่วยศาสตราจารย์บุรินทร์  รุจจนพันธ์  จากมหาวิทยาลัยโยนก  และมีนักวิจัยที่เป็นคนในหมู่บ้านร่วมในการวิจัย  โดยได้ใช้เวลาวิจัยประมาณ  1  ปี  การวิจัยครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ  ชาวบ้านมีข้อปฏิบัติ หรือ ข้อตกลงร่วมกันในการจัดงานศพ  โดยมีทั้งหมด  16  ข้อ  เช่น  การลดเหล้า   การลดอาหารว่าง  การงดเล่นการพนัน  งดจุดพลุและบั้งไฟ   การใช้ดอกไม้แห้งในหมู่บ้าน  การงดจ้างวงดนตรี  เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้  ชาวบ้านเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการสิ้นเปลือง  ทำให้ผู้จัดงานศพต้องเพิ่มภาระการจ่ายมากขึ้น  จากการดำเนินการตามกระบวนการวิจัยนี้สามารถเปลี่ยนทัศนคติ  ความคิดเห็น  เปลี่ยนความเชื่อ  เปลี่ยนค่านิยม  วัฒนธรรมประเพณีบางอย่างของชาวบ้านได้  เนื่องจาก  ทีมวิจัยใช้หลักการมีส่วนร่วม  คือ การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ให้คนในชุมชนได้ตระหนักเห็นความสำคัญ  ความจำเป็นหรือผลเสียในการจัดงานศพที่ได้ปฏิบัติกันมา จากกลุ่มเล็กขยายให้เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น   ใช้หลักประชาธิปไตย  คือการเสนอความคิดเห็น  การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น  และการยอมรับเสียงส่วนใหญ่  ใช้หลักการได้เห็นหรือปฏิบัติจริง  เช่นการนำชาวบ้านไปศึกษาดูงาน  ชาวบ้านได้เห็นการจัดงานศพแบบประหยัด  ซึ่งไม่มีผลเสียต่อชาวบ้านในชุมชนแต่อย่างใด  และขณะที่ดำเนินการวิจัยก็ได้ทดลองจัดงานศพ  ตามข้อตกลงหรือข้อปฏิบัติ ผลปรากฏว่ารายจ่ายลดลง    ปัจจุบันชาวบ้านบ้านไหล่หินยอมรับและปฏิบัติตามข้อตกลงในการจัดงานศพที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
จากผลของการวิจัยนี้  ถ้าคนรุ่นต่อๆไปได้เข้าใจ และ  ปฏิบัติตามสืบทอดหรือขยายต่อไปยังชุมชน  หมู่บ้านอื่นก็ถือได้ว่างานวิจัยประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง ที่คนได้เห็นความสำคัญของการดำเนินวิถีชีวิต  ตามสภาพบริบทของตน  มีการกิน  อยู่  อย่างพอเพียง  ซึ่งนอกจากจะทำให้ครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขแล้ว  ชุมชน  สังคม ก็จะมีความสุขด้วยเช่นกัน |  |